103 Like FM พาเพลิน มัณฑะเลย์ ,พุกาม เดินทางสู่พม่าดินแดนแห่งอารยธรรมและความศรัทธา

แพ็คกระเป๋ามุ่งสู่ดินแดนแห่งอารยธรรมหลากหลาย วันฟ้าใส ใจสดชื่นนน!! 103 Like FM พาเพลิน มัณฑะเลย์ ,พุกาม เดินทางสู่พม่าดินแดนแห่งอารยธรรมและความศรัทธา

อ่าน : 11,244 ครั้ง

103 Like FM พาเพลิน มัณฑะเลย์ ,พุกาม เดินทางสู่พม่าดินแดนแห่งอารยธรรมและความศรัทธา

แพ็คกระเป๋ามุ่งสู่ดินแดนแห่งอารยธรรมหลากหลาย  วันฟ้าใส  ใจสดชื่นนน!!  มาถึงสุวรรณภูมิ  9 โมงเช้า เจอไกด์นำเที่ยว หน้าตาสุดหล่อมีหนวดสวยงาม พร้อมรองเท้าแตะ  บร๊ะเจ้า!!!    เราต้องไปลุยขี้โคลนขี้ตมแน่เลย ? 

 

 ร้องเท้าแตะหนีบ อย่างแนว!! 

 

 

ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปก่อนครับ...

 

นั่งเครื่องจากไทยไปสนามบิน มัณฑะเลย์ประเทศพม่า โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์   ใช้เวลาประมาณ  1 ชั่วโมง 50 นาที  แอบหลับสักงีบได้สบาย  ถ่ายรูปท้องฟ้าก้อนเมฆเพลิน ๆ  แป๊บเดียว...ถึงละ!

 

เมฆสวยงาม มองดี ๆ คล้าย เจดีย์เมฆ

 

 

มาถึงสนามบินกรุงมัณฑะเลย์ ใช้เวลานิดหน่อยในการตรวจคนเข้าเมืองสิ่งที่ต้องทำก่อนเลย คือ 

• แลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทย เป็น สกุลเงิน จ๊าด ของพม่า   (1,000 จ๊าด = 25 บาท)  มีธนาคารให้แลกเปลียนที่สนามบินเลยครับสะดวกมาก  

• ปรับเวลากันนิดนึง เพราะเวลาในประเทศพม่า จะช้ากว่าไทย ประมาณ ครึ่งชั่วโมง 

• ใครที่ต้องการใช้  internet สัญญาณโทรศัพท์มือถือ 3G/4G เร็วแรงทะลุเจดีย์ ในสนามบินก็มีซิมขาย ราคาประมาณ 20-4,000  บาทไทย คิดเป็นเงินพม่าประมาณ 500 - 100,000 จ๊าด ตาม Package    สะดวกไม่ตัดขาดจากโลกโชเซียล (แนะนำให้ซื้อนะครับ เพราะ Wi-Fi  ที่โรงแรมช้ามากกกก ทุกโรงแรม)

 

ของผมจะสะดวกนิดนึง ไกด์ท้องถิ่นจะมี ซิมการ์ด และ เงินจ๊าดให้แลกบนรถนำเที่ยว ถ้าใครไปกับทริปทัวร์ลองสอบถามดูนะครับแต่อัตราแลกเปลี่ยนจะสูงขึ้นอีกนิดนึง  เมื่อพร้อมแล้วไปเช็คอินและโพสท์กันเลย!!!!

 

มาถึง มัณฑะเลย์ แล้วครับ

 

 

โลโก้สีแดง ๆ รับแลกเงินบาทไทยเป็นเงินจ๊าด โลโกสีน้ำเงินไม่รับแลกเงินบาทนะครับ

 

 

แลกมาแล้วจะได้แบบนี้  (1,000 จ๊าด เท่ากับ  25 บาท)  เงินเป็นฟ่อนๆ เลยทีเดียว!!

 

หลังจากนั้นเราดินทางสู่ท่าเรือเพื่อข้ามไป “เมืองมิงกุน” ล่องเรือทวนน้ำไปตามแม่น้ำอิรวดี สองฝั่งแม่น้ำจะเห็นวิถีการใช้ชีวิตของชาวบ้าน  หมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็น “กึ่งบ้านกึ่งแพ”   และได้เห็น อนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง 

 

ยืนบนเรือมองวิวแม่น้ำอิรวดี   ได้ 360 องศา

 

 

นั่งตากลมเย็น ๆ  บนเรือ ปล่อยอารมณ์ไปกับสายน้ำ

 

 

ใกล้ถึงฝั่งเมืองมิงกุนแล้ววว  ตื่นเต้นนนนนน!! 

 

นั่งเรือเพลิน ๆ ให้ลมตบหน้ามาประมาณ 1 ชม. ถึงฝั่งเมืองมิงกุน   ลงจากเรือต่อด้วยมอเตอร์ไซค์สามล้อ นั่งแล้วตื่นเต้นมาก ได้บรรยกาศแบบตื่นตัวตลอดเวลา สนุกดีครับชอบ ๆ   คล้ายกับ  รถตุ๊กตุ๊กบ้านเรา 

 

มอเตอร์ไซค์สามล้อ ขับซิ่งมากครับ..

 

 

สองฝั่งถนนจะเห็นนักท่องเที่ยว หลากหลายเชื้อชาติ

 

สถานที่แรกที่เราจะได้สัมผัสความเป็นพม่า  “เจดีย์ชินพิวมิน” (เมียะเต็งดาน)  ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควรจึง ได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี” เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาล คือ มีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางโลกและจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ

 

ด้านหน้าเจดีย์ชินพิวมิน เจดีย์มีลักษณะเป็นชั้นๆสีขาวซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเขาพระสุเมรุ

 

ก่อนจะเข้าไปข้างในเจดีย์ ต้องถอดรองเท้าก่อนทุกครั้ง และเป็นวัฒนธรรมของพม่าที่ไม่อนุญาตให้สวมกางเกงขาสั้น  ,กระโปรงสั้น,สวมถุงเท้า หรือสวมถุงน่อง  เข้าศาสนสถาน ทุกทีในประเทศพม่า  ใครจะไปพม่าควรเตรียมรองเท้าแตะไปด้วยนะครับ (ผมหายสงสัยแล้วว่าทำไม ไกด์ที่รอรับที่สนามบิน ใส่แตะหนีบ!!)

 

ก่อนเข้าศาสนสถาน ต้องถอดรองเท้าทุกครั้ง มีที่จัดเก็บไม่ต้องกลัวหาย

 

 

มองมุมไหนก็สวยงาม

 

 

ข้างบนเจดีย์

 

 

บรรยากาศโดยรอบเจดีย์

 

 

ภายใน .. บนยอดดอยเจดีย์ 

 

 

สาวสวย “ดีเจกิ่ง เหมือนแพร พานะบุตร” จาก Like 103 FM 

 

ห่างจากเจดีย์ชินพิวมิน นั่งมอเตอร์ไซค์สามล้อคันเดิม ไม่ถึง 15  นาที ชม “เจดีย์มิงกุน หรือเจดีย์จักรพรรดิ” ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง งานก่อสร้างเจดีดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงสูงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร 

 

ด้านหน้าเจดีย์มิงกุน ใหญ่โตมหึมา

 

 

ข้างในทำบุญค่าน้ำ ค่าไฟได้ตามกำลังศรัทธา

 

ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือ “ระฆังมิงกุน” ที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้าง โดยสำเร็จ เพื่ออุทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้น รอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใคร สร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ (โหดแท้) 

 

ภายนอกระฆังมิงกุน

 

ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียว ทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวานและใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้เคยมี การทดสอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆ ไปยืนรวมกัน อยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คน มันใหญ่มากกก!!!

 

ภายในระฆังมิงกุน

 

วันแรกของการเทียวพม่าช่างเร็วเหลือเกิน เดินถ่ายรูปเพลิน ๆ มืดแล้วครับ  นั่งเรือลำเดิมกลับเมืองมัณฑะเลย์ ชมพระอาทิตย์ตก คุยกับเพื่อนรวมทริป จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ  อากาศหนาวนิด ๆ  ช่างเป็นห่วง ช่วงเวลา ที่ดีเหลือเกินนน!!  

 

สะพานขึ้นเรือช่างน่าตื่นเต้นที่สุด 

 

 

บรรยากาศเงียบสงบ ชมพระอาทิตย์ตก ปลดปล่อยอารมณ์ไปตามสายน้ำอิรวดี

 

 

อากาศเริ่มหนาว จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ปรับอุณหภูมิร่างกาย .. สักแก้วมั้ยครับ !

 

มาถึงเมืองมัณฑะเลย์อีกครั้งดูเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ไกด์บอกเดี๋ยวเราไป “วัดกุโสดอ” (Kuthodaw Pagoda)  พาไปเที่ยววัด!!!  มีคำถามในหัวทันที วัดที่ไหนจะเปิดเวลานี้ ?  เหมือนเค้าจะรู้ว่าผมถาม เค้าชิงบอกก่อน วัดที่พม่าจะปิดประมาณ 4  ทุ่ม และจะไม่วังเวง น่ากลัวเหมือนวัดไทย วัดที่นี่ไม่นิยมเผาศพที่วัด ส่วนใหญ่จะทำพิธีกันที่บ้านและไปทำพิธีต่อที่ป่าช้า แบบนี้ค่อยอุ่นใจหน่อย!! 

 

บรรยากาศข้างหน้าวัด

 

“วัดกุโสดอ” (Kuthodaw Pagoda) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ทำการ สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 มีแผ่นศิลาจารึกพระไตรปิฎกทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี ว้าวววววว!!!  สถานที่แห่งนี้มีมนต์ขลังจริง ๆ

 

ภายในวัดเงียบสงบ 

 

 

เจดีย์วัดกุโสดอร์

 

 

จบทริปวันแรกประทับใจมากครับ ได้เพื่อนใหม่และความรู้เกี่ยวกับพม่าในอีกแง่มุม ที่หาอ่านในหนังสือ ส.ป.ช. (สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต) ไม่ได้  อาหารอร่อยที่พักสะอาด ทริปนี้ Like 103 FM จัดหนักจัดเต็มจริง ๆ

 

ร้านอาหารคนไทยในพม่า "Royal Mandalay"

 

 

กุ้งตัวใหญ่กินกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด!  อร่อยฝุดๆ

 

 

ที่พักคืนแรก MANDALAY HILL RESORT HOTEL

 

 

ห้องพักหรู สวยสะอาด ห้องใหญ่ แอร์เย็นฉ่ำ 

 

เช้าวันที่สองผมแอบตื่นเช้านิดหน่อย เดินออกจากโรงแรม... ผมอยากเห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่ ว่าแตกต่างจากบ้านเราอย่างไร อากาศค่อนข้างหนาว ตอนพูดควันออกปากกันเลยทีเดียว ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป เห็นพระสงฆ์ กับ เณร อยู่ทุกที่ เมืองมัณฑเลย์เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาใหญ่ที่สุดในพม่า ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เห็นพระสงฆ์อยุ่ทุกที่ 

 

พระเดินบิณฑบาต

 

 

เณรน้อยเดินบิณฑบาต กับวิถีชีวิตยามเช้าของชาวพม่า

 

 

เณรน้อยเดินบิณฑบาต 

 

มาเมืองมัณฑะเลย์ ต้องขึ้น “มัณฑะเลย์ฮิลล์” (Mandalay Hill) นั่งรถสี่ล้ออกจากโรงแรมพร้อมคณะ ประมาณ 15 นาที  เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองรอบเมืองได้ 360 องศา  และยังได้มาสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่เจดีย์ “ซูตองพญา” ที่อยู่บนยอดเขาด้วย ชาวพม่าเชื่อว่ามัณฑะเลย์ฮิลล์ คือ ยอดเขาที่จะคอยค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป

 

สำหรับสายแข็ง ที่พอมีเวลาและมาด้วยพลังศรัทธาอันแรงกล้า อยากทดสอบร่างกายตัวเองว่าฟิตขนาดไหน ด้วยการลองเดินชมวิวเพลินๆ จากตีนเขา ผ่านบันได 7,292 ขั้น ด้วยความสูงแค่ 239 เมตรเท่านั้นเอง (เท่านั้นเอ๊งงง!!! บร๊ะเจ้า)

 

นั่งตุ๊กตุ๊กสี่ล้อมาถึงที่หมายโดยปลอดภัย

 

 

มองเห็นเมืองมัณฑะเลย์ไกลมาก

 

 

เดิมชมบรรยากาศโดยรอบ ... เพลินๆ 

 

 

สักการะพระบรมสารีริกธาตุ

 

 

หามุมถ่ายรูปโดน ๆ

 

 

เป็นศิลปะที่สวยงามมาก

 

 

ไหใส่น้ำไว้ให้บริการน้ำฟรี สำหรับนักท่องเที่ยว

 

ได้บุญได้กุศลกันเต็มเปี่ยม นั่งรถมุ่งหน้าสู่ “สะพานไม้อูเบ็ง” (U Bein Bridge) เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก!!!  ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ ประเทศพม่า อยู่ห่างจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ไม่มากนัก สะพานไม้อูเบ็งนั้นมีความยาว 1.2 กิโลเมตร ใช้ไม้สักมากถึง 1,208 ต้น มีอายุกว่า 200 ปี

 

สะพานไม้อูเบ็ง

 

 

บนสะพานมีร้านขายของที่ระลึก เป็นรูปภาพวาดสวยงามมีให้เลือกมากมาย

 

 

หนูน้อยช่วยครอบครัวขายของที่ระลึก วาดภาพขายกันสด ๆ 

 

 

มองลงไปข้างล่างเห็นวิถีชีวิต ชาวเมืองอมรปุระ

 

 

วิถีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ชาวบ้านกำลังต้อนเป็ดขึ้นจากแม่น้ำ

 

 

บริเวณใกล้สะพานไม้อูเบ็ง มีร้านค้าขายของฝากมากมาย 

 

 

Taxi ก็มีให้บริการ

 

 

มีร้านค้าให้เลือกซื้อของฝากเยอะมาก

 

ใกล้กับสะพานไม้อูเบ็งแวะไปทำบุญถวายปัจจัย ณ “วัดมหากันดายงค์” ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของพม่า ที่เมืองอมรปุระ ซึ่งในช่วงเพลจะมีภิกษุสงฆ์นับร้อยรูป เดินเรียงแถว เพื่อรับถวายภัตตาหารเพล

 

ภิกษุสงฆ์นับร้อยรูป เดินเรียงแถว เพื่อรับถวายภัตตาหารเพล

 

 

ภิกษุสงฆ์กำลังรับถวายภัตตาหารเพล

 

ของขึ้นชื่อในประเทศพม่ามีมากมายหลากหลาย โสร่งเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุด เพราะเป็นเครื่องแต่งกายที่ทุกคนในประเทศพม่าต้องใช้ ไกล์นำคณะเราไปเยื่ยชมโรงงานทอผ้า และเรียนรู้วิธีการขบวนการจัดทำ อยู่ไม่ไกลจากวัดมหากันดายงค์มากนัก

 

โรงงานทอผ้า

 

 

ขบวนการผลิต

 

 

ร้านขายโสร่ง ช้อปกันเพลิน...เลย

 

วันที่สามมาโผล่พุกาม เมืองโบราณแห่งทะเลเจดีย์ มีแหล่งท่องเที่ยงทางด้าน ประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์ มีเจดีย์มากกว่า 2,000 องค์ สวยงามและยิ่งใหญ่ขนาดไหนต้องขึ้นบอลลูนไปสัมผัส งานนี้ 103 Like FM จัดเต็มจัดหนักจริง ๆ ครับ

 

บอลลูนกำลังทดสอบ และวอมเครื่อง 

 

 

วิวช่างงดงามน่าจดจำ

 

 

มองลงไปข้างล่าง เห็นบอลลูนหลากสี ทั้งสวย ทั้งเสียว!!

 

 

เพื่อนร่วมทริปที่น่ารักเป็นกันเองมาก และกัปตัน "นิค" หนวดงาม 

 

 

ยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ ข้างหลังบอลลูนมีเจดีย์นับร้อยองค์ 

 

 

ช่างสวยงามอะไรเยี่ยงนี้!!! ไม่พลาดที่จะกดชัตเตอร์ รัว ๆ

 

 

ลงมาสู่พื้นดินด้วยความปลอดภัย ดีใจกันเป็นหมู่คณะ 103 Like FM

 

ดูความยิ่งใหญ่ของเจดีย์บนที่สูงแบบตื่นเต้นกันแล้ว ลงมาไหว้พระสักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ อีกแห่งของชาวพุกาม คือวัด "ชเวกูจี" แปลว่า "ถ้ำทอง” และมีอีกชื่อที่เรียกว่า “นันดอพยา" แปลว่า “วัดหน้าวัง"

 

หน้าเจดย์มีของฝากขายมายมาย

 

 

ไหว้พระขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลกัน

 

 

เจดีย์ที่บ่งบอกถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองพุกาม ประเทศพม่า

 

 

นักท่องเที่ยว แต่งกายด้วยชุดพื้นบ้านของชาวพม่า ดูเรียบร้อยสวยงามจริง ๆ ครับ

 

มาต่อกันที่ “วัดอนันดา” เป็นเพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม ความสวยงามของวัดแห่งนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างศิลปะของพม่า ขอม และอินเดีย  วิหารแห่งนี้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส  ภายในวิหารมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างจากไม้แกะสลัก ยืนประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ 

 

พระพุทธรูปสูงสง่า

 

 

ศิลปะผสมผสาน

 

 

ฤาษีมีหนวด และมีจุก ดูแปลกตาดี ?

 

 

ภายนอก..รอบๆ สวยงาม คล้ายๆ สถาปัตยกรรมอินเดีย

 

 

นั่งรถม้าชมเจดีย์พาเพลิน

 

 

ยอดเยี่ยมไปเลยครับ!!

 

เที่ยวกันแบบจุใจ ถ่ายรูปจนเมมโมรี่การ์ดเต็ม .. ยัง!!  ยังไม่กลับบ้านเพียงแค่นี้ วันสุดท้ายก่อนจบทริป ชาวคณะได้มีโอกาสได้เข้าชมพิธีล้างพระพักตร์องค์พระมหามัยมุนี  โดยทุกเช้าเวลาประมาณ 04.00 น. พระมหาเถระจะทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมทานาคาอย่างดี พร้อมใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า   สาธุชนที่ศรัทธาจะมารอชมพิธีล้างพระพักตร์กันอย่างเนืองแน่น

 

จากนั้นใช้ผ้าสีขาวที่สาธุชนนำมาถวายเช็ดพระพักตร์จนแห้งสนิท แล้วนำคืนแก่สาธุชนผู้นั้นไปบูชาต่อ พร้อมใช้พัดทองโบกถวาย เสมือนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่

 

ล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอม

 

 

ใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า

 

 

อิ่มบุญกันทั่วหน้า

 

 

บรรยกาศรอบ ๆ มีพระภิกษุและประชนมารอชมพิธีล้างพระพักตร์

 

 

ชาวพม่ามารอชมพิธีล้างพระพักตร์เยอะมาก

 

ใครมาเที่ยว มัณฑะเลย์แนะนำครับตื่นเช้าสักหน่อย ชมพิธีล้างพระพักตร์องค์พระมหามัยมุนี  เป็นที่เดียวในโลกที่มีพิธีแบบนี้ สายบุญพลาดไม่ได้เลย!!!

 

จบทริปแบบอิ่มบุญอิ่มใจ ได้เพื่อนใหม่ ดื่มด่ำกับมิตรภาพอันงดงาม ในต่างแดน ใครอยากพักผ่อนแบบสายบุญแนะนำต้องมาครับ  สำหรับใครที่อยากร่วมทริปโดน ๆ มีมุมมองใหม่ ๆแบบนี้  ติดตามฟังได้ทาง 103 Like FM นะครับ

 

ขอบคุณ บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป ที่เปิดโอกาสให้ร่วมทริปอิ่มบุญครั้งนี้  

สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ที่ JIB ONLINE (www.jib.co.th)

 

 

 

 

 

ท่องเที่ยวแนะนำ