ชาวใต้ สุราษฎร์ธานี รู้หรือยัง ? 10 อันดับ ของแปลกของดีมีมากมายย!! น่าเที่ยวม๊วกกกก

เมืองสุราษฎร์ธานี มีสถานทีท่องเที่ยวหลากหลายให้เที่ยวมากมาย แต่มีอีกมุมนึงที่น่าสนใจ สถานทีแปลก ๆ แหวกแนว ซากหอยดึกดำบรรพ์ ,อาสน์เทวดา,แม่น้ำสองสี น่าเที่ยวทั้งน้านนน เลย!

อ่าน : 20,045 ครั้ง

ชาวใต้ สุราษฎร์ธานี รู้หรือยัง ? 10 อันดับ ของแปลกของดีมีมากมายย!! น่าเที่ยวม๊วกกกก

 

อันดับ 1 "หินลาวาภูเขาไฟ"
แหล่งเดียวในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่เห็นเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ของลักษณะทางธรณีวิทยา "หินลาวาภูเขาไฟ" สีดำพรุนขรุขระ ที่เริ่มก่อตัวตั้งแต่ยุคสร้างโลกนานนมถมถืด ตั้งชื่อเท่ๆว่า "ลานโลกพระจันทร์" ซึ่งใกล้ๆกันยังพบบ่อน้ำร้อนเขาถ่าน สำนักธารน้ำร้อนเขาถ่าน(สาขาวัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร) อำเภอท่าฉาง ที่ยังผุดพลังงานความร้อนระบายออกมาจากใต้พื้นพิภพในอาณาบริเวณนี้อยู่ตลอดเวลา

 

 

 

อันดับ 2 "ซากหอยดึกดำบรรพ์"
หากมีโอกาสได้เข้าไปสำรวจ "ถ้ำทองดี" ชื่อเดิมว่า "ถ้ำตาลาภ" แห่งตำบลช้างขวา อำเภอกาญจนดิษฐ์ นอกจากจะได้ชมเสียงกระพือปีกโดยพร้อมเพรียงของฝูงค้างคาวเรือนหมื่นที่เกาะอยู่บนผนังหรือเพดานถ้ำตอนโดนไฟฉายส่อง และปรากฎของหินงอกหินย้อยสุดอลังภายในถ้ำกันแล้ว หากสังเกตบางส่วนของพื้นโพรงถ้ำ จะเห็นเปลือกหอยขนาดใหญ่เรียงฝังซ้อนอยู่เป็นชั้นๆ ซึ่งแสดงหลักฐานยืนยันได้ว่า ภูเขาหินปูนลูกนี้ได้ถูกดันยกตัวโก่งขึ้นมาจากท้องทะเลตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์นานมาแล้ว

 

 


อันดับ 3 "หินรูปพัด"
ลักษณะของก้อนหินธรรมชาติรูปพัดในบางมุมของบ้านยวนสาว อำเภอคีรีรัฐนิคม สถานที่เที่ยวกำลังบูมอีกหนึ่งแห่ง ขนาดสูงประมาณ 5-6 เมตร ฐานกว้างประมาณ 1 เมตร ตั้งวางอยู่บนฐานก้อนหินใหญ่มหึมา มีช่องเล็กๆสามารถมองทะลุได้ รอบๆเป็นผืนป่าเขียวดูเพลิดเพลินตาอย่างยิ่ง แต่หากมากันเช้าตรู่จะได้เจอทั้งหมอกทั้งตะวันพร้อมบรรยากาศสดชื่น สุดทึ่งในความมหัศจรรย์ของหินธรรมชาติก้อนใหญ่รูปลักษณ์แปลกตาที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่อย่างมั่นคง โดยไม่เซไหวล้มหล่นลงไปในผืนป่าด้านล่างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

 

 


อันดับ 4 "อาสน์เทวดา"
พบบนภูเขาเพิงผาหน้าถ้ำหินปูนบริเวณสวนสาธารณะไตรคีรีแห่งอำเภอบ้านนาสาร มีลักษณะเป็นหินธรรมชาติ ลวดลายงามแปลกตา มันวาวไร้ฝุ่นเกาะ ขนาดพอดีสำหรับที่นั่ง "แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น" ปีนขึ้นไปเห็นครั้งแรกรู้สึกขนลุกซู่... คนพื้นที่เลยเรียกชื่อสิ่งนี้ว่า "อาสน์เทวดา" ส่วนใครจะไปเยี่ยมชมต้องเผื่อใจออกแรงปีนป่ายบันไดเล็กๆกันบ้างให้ได้ลุ้นพอประมาณ เมื่อก่อนเคยไปต้องโหนเถาวัลย์แบบทาร์ซานกันนะจ๊ะ บอกได้ตรงนี้เลยว่า "เฉพาะคนมีบุญวาสนาเท่านั้นที่ได้ขึ้นไปเห็นเจ้าของสิ่งนี้"

 

 

 

อันดับ 5 "ถ้ำรูปหัวใจ"
นอกจากทิวทัศน์สวยงาม จุดนิยมเข้าเช็คอินถ่ายภาพที่ระลึกของบรรดานักท่องเที่ยวที่แวะผ่านเข้าออกเขื่อนรัชชประภา(เขื่อนเชี่ยวหลาน) คู่ภูเขารูปหัวใจเขาเทพพิทักษ์(เขาพัง)ที่เห็นเป็นฉากหลังน่าทึ่งขณะเดินข้ามสะพานแขวนคลองพะแสงซึ่งสร้างอยู่ติดด้านหลังเมรุของวัดเขาพัง อำเภอบ้านตาขุนกันแล้ว หากมีโอกาสลองติดต่อชาวบ้านให้ช่วยนำทางปีนไปชมปากถ้ำหินปูนใกล้ๆกันเป็นรูปหัวใจกิ๊บเก๋ได้เช่นกัน จะมองเห็นสะพานแขวนขึงเหนือคลองพะแสงด้านล่าง แถมได้ชมภาพเขียนสีโบราณรูป "ดอกไม้หรือลายแทงสมบัติ" จากฝีมือชนกลุ่มไหนยุคไหนไม่ทราบเอกสารอ้างอิง แต่ดูๆเส้นทางอาจจะโหดพอใช้ จึงควรเพิ่มความระมัดระวังคำนึงถึงปลอดภัยกันไว้ด้วยอย่างยิ่ง

 

 


อันดับ 6 "ภาพลายหินพระพุทธเจ้า"
เวลาขับรถยนต์ผ่านไป-มาบนทางหลวงแผ่นดินสาย 4009(สฎ.-นาสาร) แล้วจะมีสักกี่คนที่เคยแวะเข้าเยี่ยมชม "ถ้ำขมิ้น(ถ้ำเหม็น)" ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ รย.5 (ถ้ำขมิ้น) อำเภอบ้านนาสาร ทั้งๆที่อยู่ห่างตลาดบ้านนาสารเพียงแค่ 3 กม. ภายในยังถูกออกแบบจัดแต่งแสงไฟทางเดินเพื่ออำนวยความสะดวกใช้สอยได้ลงตัวสวยงาม ถ้าสังเกตกันดีๆจะมีผนังด้านหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับห้อง"เจ้าหญิง" ปรากฎลวดลายของหินสีโทนขาว-ส้มตามธรรมชาติ ช่างสร้างสรรค์เหมาะเจาะจนดูคล้ายภาพวาดเทคนิคสีเฟรสโก้ "องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนฐานกลีบบัวอย่างงดงามอ่อนช้อยแลพริ้วไหว

 

 

 

อันดับ 7 "แม่น้ำสองสี"
เป็นการบรรจบของคลองพุมดวงกับแม่น้ำตาปีที่ไหลมาจากเทือกเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตรงบริเวณตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน โดยที่น้ำจากคลองพุมดวงนั้นมีระยะทางสั้นกว่าจึงมีน้ำใสกว่า ก่อนจะรวมบรรจบกลายเป็นสายน้ำสองสีแห่ง "แม่น้ำตาปี" แล้วไหลออกสู่อ่าวไทยบริเวณปากน้ำบ้านดอน รวมระยะทางทั้งสิ้น 232 กม. ซึ่งชื่อเดิมคือ "แม่น้ำหลวง" ก่อนที่จะได้รับพระราชทานนามใหม่พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อเรียกจังหวัดจาก "เมืองไชยา" เป็น "สุราษฎร์ธานี" จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 เมื่อครั้นเสด็จประพาสมณฑลปักษ์ใต้ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2458)

 

เครดิตภาพจากนิตยสาร "มีดีที่พุนพิน" ฉบับที่ 1 by pomdemandgroup

 

 

อันดับ 8 "ไผ่เฉียงรุน"
เป็นไม้ไผ่ที่มีลำต้นตรง ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่สำรวจพบมาในประเทศไทย และพบได้แห่งเดียวในเขตอุทยานแห่งชาติคลองพนม อำเภอพนมเท่านั้น ขึ้นเจริญเติบโตในป่ารกและพื้นที่ลาดชันเป็นกอๆ ไม่ปะปนกับไผ่ชนิดอื่น มีขนาดลำต้นยาวประมาณ 30-40 เมตร เส้นรอบวงประมาณ 60-80 ซม. ความหนาของเนื้อไม้ประมาณ 1 นิ้ว หากชาวบ้านต้องการใช้ประโยชน์จากหน่อหรือลำต้น ต้องโค่น(เฉียง)ลงมาแบ่งตัดเป็นท่อนๆ แล้วค่อยออกแรงผลักดัน(รุน)ไปข้างหน้า เพราะขนาดใหญ่ยักษ์มว๊ากกก จึงได้ชื่อ "ไผ่เฉียงรุน" ตามภาษาท้องถิ่นปักษ์ใต้ใช้เรียกกริยาแบบนี้

 

 

 


อันดับ 9 "เสือสุราษฎร์"
หม้อข้าวหม้อแกงลิงสายพันธุ์ Nepenthes suratensis "เสือสุราษฎร์" หรือ "Tiger Surat" เป็นพืชกินแมลงเฉพาะถิ่นที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically endangered in IUCN Red List) เพราะเหลือประชากรในธรรมชาติอยู่เพียงแห่งเดียวในโลกที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ "เคยเห็นของจริงกันมั่งรึยังชาวสุราษฎร์ฯ" หม้อข้าวหม้อแกงลิงพันธุ์นี้ปัจจุบันขึ้นอยู่ในป่าพรุเขตรับผิดชอบของทางเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีสาขาย่อยกาญจนดิษฐ์นั่นเอง ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนการติดต่อเข้าชมอย่างเป็นทางการกันล่วงหน้า ซึ่งทาง ผบ.เรือนจำฯยืนยันรับปากจะช่วยดูแลและรับรองไม่ทำให้สูญพันธุ์อย่างแน่น้อนนน

 

 

 

อันดับ 10 "ถนนต้นงิ้วนางไม้"
หากสังเกตหลังจากเลี้ยวซ้าย กม.44 ตรงสี่แยกบ้านทำเนียบ ขับเข้าไปตามถนนลาดยางที่จะไปเที่ยวน้ำตกธารทองหรือป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อำเภอคีรีรัฐนิคม แล้วพบกับความแปลกสุดอึ้ง เพราะขับตรงอยู่ดีๆ ถนนถูกแบ่งเป็นสองซีก เพราะมีต้นไม้ขนาดใหญ่ "ต้นงิ้ว" ขึ้นขวางอยู่ตรงกลาง พร้อมตั้งศาลผูกผ้าสีไว้กราบไหว้เทพารักษ์รึนางไม้ จุ๊ๆๆ อย่าริคิดจะหยุดจอดรถเพื่อลงไปถ่ายภาพเซลฟี่กันเชียวล่ะ โปรดระลึกไว้เสมอถนนหนทางตรงนี้มันแคบ มียวดยานพาหนะแล่นผ่านอย่างรวดเร็วสวนกันตลอด และเกือบจะเป็นแนวทางตรงซะด้วย อาจได้รับอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ง่ายๆกันนะครับ

 


ม๋อจิ้ว@สุราษฎร์ธานี

 

ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://www.facebook.com/On-My-Ways-by-mor-J-E-W-1490945937797037/

ท่องเที่ยวแนะนำ